“ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ชาวเนปาลจะมีผิวคล้ำกันไปบ้าง แต่เท่าที่ลองสังเกตสาวๆ ชาวเนปาลดูแล้ว ดูหล่อนออกจะสวยคมเสียมากกว่า”
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีความสามารถสร้างได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในทางตรงกันข้ามก็สามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นเดียวกัน
อีกทั้งมนุษย์มีความหลากหลายทั้งภายในและภายนอก มนุษย์ชอบที่จะอาศัยอยู่รวมกันเพื่อความแข็งแกร่งและอยู่รอดอย่างเป็นสุขใจ โดยมนุษย์แต่ละหมู่เหล่ามักดำเนินชีวิตแตกต่างกันออกไปตามสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม
มันเป็นบทสรุปเงียบๆ ระหว่างการนั่งปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าอยู่บนยอดเขา
ชมทิวทัศน์ของเมืองที่ผมใฝ่ฝันมานานว่า อยากจะเดินทางมาเที่ยวชมสักครั้งหนึ่งในชีวิตของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งในตอนนี้มันคือความจริงไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว…เนปาล
ทิวทัศน์เบื้องหน้าด้านล่างของผมเป็นที่ราบหุบเขาของเมืองกาฐมาณฑุ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเนปาล มีมวลตึกรามบ้านช่องของชาวเนปาลอยู่ดารดาษ เกือบทุกหลังจะไม่ทาสีเหมือนอย่างในบ้านเรา ชาวเนปาลนิยมก่อสร้างบ้านในลักษณะห้องแถวก่อผนังด้วยอิฐสีแดงก้อนใหญ่ เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็จะไม่ทาสี ปล่อยให้เห็นเป็นสีแดงเนื้ออิฐอย่างนั้น แต่อาจจะมีบ้างที่ทาสีขาว ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประหยัดหรือค่านิยม แต่ทว่ามันสวยงามเป็นเอกลักษณ์น่ามอง อีกไม่นานต่อจากนี้ผมจะได้ท่องไปในดินแดนที่แปลกตา ชมสถานที่ต่างๆ รวมถึงวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของชาวเนปาลในเมืองกาฐมาณฑุ และเมืองโบราณที่อยู่ใกล้เคียง อันได้แก่ เมืองธุลีเขล เมืองภักตะปุร์ และเมืองปะฏัน
ส่วนด้านหลังของผมตอนนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเก่าแก่มากว่า 2,000 ปี มัคคุเทศก์ลูกครึ่งเนปาลไทยรูปหล่อพูดไทยชัดบอกผมว่า ที่นี่คือ “สถูปสวะยัมภูนาถ” (Swayambhunath) หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ “วัดลิง” อันเนื่องมาจากที่นี่มีลิงอาศัยอยู่มากมายนั่นเอง
ที่ตั้งของสถูปสวะยัมภูนาถนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากตัวเมืองกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถูปที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของประเทศเนปาล มีรูปทรงคล้ายโอคว่ำขนาดใหญ่สีขาว ด้านบนนก่อนถึงยอดสถูปสร้างเป็นสี่เหลี่ยม มีภาพวาดเป็นรูปดวงตาไว้ทั้ง 4 ด้าน โดยมีความหมายว่า“ดวงตาเห็นธรรม “ (Wishdom Eyes) เป็นสถูปที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู อันเป็นศาสนาที่ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศเนปาลนับถือกันมากที่สุด
ด้วยความเก่าแก่และเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางศาสนา ปัจจุบันองค์การยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนสถูปสวะยัมภูนาถไว้เป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2522
นับเป็นนิมิตรหมายอันดี สำหรับผู้ที่เดินทางมาถึงเนปาลในวันแรก แล้วได้มาสักการะสถูปสวะยัมภูนาถเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นที่น่าสนใจต่อไป
และสำหรับการสักการะสถูปแห่งนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับการกราบไหว้เจดีย์ หรือพระบรมธาตุในเมืองไทยของเรา คือมีการจุดธูปเทียนแล้วพนมมือไหว้ขอพร จากนั้นก็จะเดินวนรอบองค์สถูปไปตามทิศทางเดียวกับเข็มนาฬิกาจนครบ 3 รอบ เป็นอันเสร็จพิธี
ถึงแม้เวลานี้จะมีแสงแดดแผดจ้า แต่ผมกลับไม่รู้สึกร้อนเท่าไรนัก คงเป็นเพราะประเทศเนปาลอยู่ในพื้นที่ที่สูง จะว่าไปคงคล้ายกับเวลาที่เราไปเที่ยวบนยอดดอยยอดเขาต่างๆ ในเมืองไทย ที่มีแสงแดดสาดส่องลงมาแต่เรากลับรู้สึกอบอุ่น บางคนที่ชอบถ่ายภาพก็ถ่ายกันอย่างเพลิดเพลิน พอหลังจากนั้นกลับมาบ้านมาดูตัวเองในกระจก ก็ต้องตกใจกับผิวที่หมองคล้ำลง…ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ชาวเนปาลจะมีผิวคล้ำกันไปบ้าง แต่เท่าที่ลองสังเกตสาวๆ ชาวเนปาลดูแล้ว ดูหล่อนออกจะสวยคมเสียมากกว่า….นี่ขนาดอยู่ข้างสถูปสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นะ
ย่านธาเมล (Thamel)
บนถนนกลางเมืองกาฐมาณฑุมีรถราขวักไขว่ต่างบีบแตรกันลั่นไม่ต่างจากประเทศเวียดนาม มันเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของการขับรถเพื่อความปลอดภัยของชาวเนปาล หรือบางทีประเทศไทยเรากระมังที่ต่างจากประเทศอื่น ที่เวลากดแตรนั่นเพื่อบอกว่า…ฉันไม่พอใจแล้วนะ…
จะอย่างไรก็แล้วแต่มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม เราผู้มาเยือนประเทศเขาเราก็ต้องปรับตัว ถ้าหากเขามาประเทศเรา เขาก็คงต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน รถยนต์ที่ใช้ในประเทศเนปาลส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศอินเดีย และจากประเทศจีนก็มีบ้างแต่เป็นส่วนน้อย ยี่ห้อทาทา ดูจะเป็นที่นิยม พวงมาลัยและที่นั่งคนขับนั้นอยู่ทางด้านขวาเช่นเดียวกับประเทศไทย ส่วนรถมอเตอร์ไซต์ที่เห็นมีมากก็จะเป็นยี่ห้อฮอนด้าจากประเทศญี่ปุ่น
คุณสุขคติ มัคคุเทศก์ประจำคณะเล่าให้ฟังว่า รถยนต์ และมอเตอร์ไซต์ ที่เนปาลมีราคาแพงมาก คือแพงกว่าเมืองไทยเกือบเท่าตัว ทั้งนี้เนื่องมาจากภาษีที่สูงมาก แต่ชาวเนปาลก็นิยมที่จะซื้อรถด้วยการใช้เงินสด ไม่นิยมการผ่อนส่ง และไม่นิยมทำประกันภัย ในแต่ละวันจำนวนอุบัติเหตุมีไม่มากนัก เพราะเขาขับรถกันไม่เร็วและคงด้วยเสียงแตรที่กดออกไป
สองเท้าของผมยังคงทำหน้าที่ก้าวออกไปพร้อมกับรองเท้าเดินป่าคู่เก่าที่มีสภาพน่าปลดระวางเต็มที เวลานี้ผมอยู่ที่ย่านธาเมล (Thamel) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองกาฐมาณฑุ ที่นี่มากมายไปด้วยร้านขายสินค้าที่ระลึกจากประเทศเนปาล และร้านขายสินค้าจำพวกอุปกรณ์แค้มปิ้งค์โดยเฉพาะรองเท้า และกระเป๋าเดินทางยี่ห้อดัง
แน่ละครับ ประเทศเนปาลมีชื่อเสียงเรื่องยอดเขาเอฟเวอร์เรสท์ ที่มีความสูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงอยู่ที่ 8,848 เมตร จากระดับน้ำทะเล การจะเดินไปให้พิชิตยอดเขาแห่งนี้ นอกจากร่างกายและจิตใจแล้ว อุปกรณ์เครื่องแต่งกายยังต้องพร้อมด้วยเช่นกัน ย่านธาเมลจึงเป็นเสมือนศูนย์รวมสินค้า และอุปกรณ์ให้นักเดินไต่เขาได้เลือกซื้อหาก่อนออกเดินทาง
ผมเองก็เมี่ยงๆ มองๆ หารองเท้าถูกใจสบายเท้าสักคู่ กะว่าจะปลดระวางคู่ที่ใส่อยู่นี่สักหน่อย แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเดินสู่ยอดเอฟเวอร์เรสท์หรอกนะครับ เอาแค่เดินขึ้นภูกระดึงแล้วไม่กัดไม่อ้าปากเปิดระหว่างทางก็เจ๋งแล้ว…แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง ผมได้พบรองเท้าที่น่าจะเป็นเนื้อคู่กันอยู่สองสามคู่ มีทั้งของแท้ยี่ห้อดัง และของก๊อปแท้ๆ ยี่ห้อดังเช่นเดียวกัน ส่วนราคาก็แตกต่างกันไป อย่างว่าแหละของถูกของดีไม่มีในโลก คำนี้ใช้ได้ในทุกประเทศ ผมสนใจคู่ของแท้เพราะเป็นคนที่ใส่รองเท้าได้นาน โอ๊ย…หลายปีครับกว่าจะเปลี่ยน เรียกว่าถ้าถูกใจแล้วก็รักตายเลย ถ้าซื้อวันแรกก็จะแทบจะเอาไปนอนกอดอย่างนั้นเลย…
ของดี ของแท้ ต้องมีราคาแพงเป็นธรรมดา ผมพยามมั่วนิ่มหลอกเจ้าของร้านว่า ไอ้คู่ที่ผมสนใจเนี่ยมันเป็นของก๊อป (มุกนี้ใช้ความเสี่ยงหน่อย) ต้องพูดไปยิ้มไปพลาง กันไม่ให้เจ้าของร้านมีอารมณ์ ผมพยามต่อราคาลงมา 50% จากที่เขาบอกไว้ตอนแรก…ไม่รู้ผมต่อราคามากไปเปล่า…ได้ครับ สมใจหวัง…แต่เป็นได้ถูกเชิญออกจากร้านด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกันกับที่ผมส่งไป อิอิ ไม่ถูกพื้นรองเท้าเนปาลสัมผัสก้นออกมาด้วยก็บุญแล้ว
สนุกครับเดินเที่ยวย่านธาเมล มีอะไรให้ดูเยอะ ตอนแรกก็เดินกันเป็นกลุ่มเป็นคณะทัวร์อยู่หรอก แต่เมื่อแต่ละคนได้เจอสินค้าถูกใจ ก็เผลอแวะไปตามหัวใจ เรื่องซื้อของฝากเวลาไปเที่ยวกับคนไทยนี่เป็นของคู่กันครับ หากทัวร์ไหนมีปัญหาเรื่องโปรแกรมท่องเที่ยวแบบว่าต้องตัดโน่นออกตัดนี่ออกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาตัดโปรแกรมช้อปปิ้งออกนี่ เตรียมตัวถูกต่อว่าไว้ได้เลย
อ่านต่อตอนหน้า